ต้องยอมรับว่าในอดีตนั้นเรื่องของการเหยียดสีผิวถือเป็นเรื่องที่สร้างความแตกแยกให้กับคนผิวสีมาเป็นระยะเวลายาวนาน อย่างในประเทศสหรัฐฯ เองถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกและเป็นประเทศที่มีการพัฒนาในลำดับต้นๆ ของโลก แต่เรื่องของการเหยียดสีผิวในยุคก่อนๆ นั้นก็ยังนับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างรุนแรงอย่างมาก แม้ว่าในปัจจุบันนี้เรื่องของการเหยียดสีผิวเองจะลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้ยังคงมีให้เห็นอยู่แบบเนืองๆ ในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งการเหยียดสีผิวนั้นไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของการพูดจาเสียดสีอย่างเดียว แต่ล่าสุดมันมีกรณีที่ส่ร้างความไม่พึงพอใจให้กับคนสหรัฐฯ โดยเฉพาะคนผิวสีเป็นอย่างมาก
เรื่องราวดังกล่าวเป็นเรื่องราวของการประท้วงในรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐฯ ซึ่งต้องย้อนรอยเรื่องราวดังกล่าวเสียก่อนนั่นก็คือก่อนที่จะเกิดเหตุประท้วงดังกล่าวได้มีกรณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงใส่นาย คีธ สก็อตต์ ซึ่งเป็นชาวผิวสีวัย 45 ปี โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นทางตำรวจได้อ้างว่าชายคนนี้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และไม่ยอมที่จะทิ้งปืนตามคำที่เจ้าหน้าที่ร้องขอ อย่างไรก็ตามทางด้านของครอบครัวของนายสก็อตต์ รวมไปถึงผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสิ่งที่นายสก็อตต์ถือในวันนั้นไม่ใช่ปื่นแต่เป็นเพียงหนังสือเท่านั้น และจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เองทำให้เริ่มมีการชุมนุมประท้วงของผู้คนในเมืองนอร์ทแคโรไลนา โดยเริ่มแรกนั้นเป็นการชุมนุมอย่างสันติแต่ทว่าเริ่มที่จะมีเหตุการณ์ส่อไปในทางที่สร้างความรุนแรงมากขึ้น เมื่อผู้ชุมนุมจำนวนหลายร้อยคนมีการเดินเท้าไปยังบริเวณใจกลางเมืองโดยระหว่างเดินเท้านั้นก็ได้มีการหยุดพักที่บริเวณโบสถ์ของคนผิวสี บริเวณสำนักงานตำรวจ และสถานบันเทิงชื่อว่า EpiCentre ซึ่งเป็นสถานบันเทิงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควร และเมื่อผู้ชุมนุมได้เดินเท้ามาจนถึงบริเวณใจกลางเมืองชาร์ล็อตต์ ก็เกิดการเผชิญหน้ากับเหล่าบรรดาตำรวจ ซึ่งยืนกั้นถนนอยู่ห่างจากบริเวณโรงแรมออมนิ ชาร์ล็อตต์ ผู้ชุมนุมจึงได้ทำการปิดล้อมเอาไว้ ต่อมาตำรวจจึงได้ตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง รวมไปถึงระเบิดแสง แต่ทางผู้ชุมนุมก็ตอบโต้ด้วยการโยนสิ่งของและพลุใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเหตุการณ์ก่อส่อเค้ารุนแรงมากขึ้นเมื่อตำรวจสลายการจลาจลมาถึงและได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาทำให้ผู้ชุมนุมบางรายไม่พอใจอย่างมากถึงขั้นทุบกระจกร้านสะดวกซื้อเพื่อเข้าไปขโมยของ
จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนสหรัฐฯ อย่างมาก ซึ่งจุดประสงค์ของพวกเขาจริงๆ ก็เพียงต้องการแค่ให้ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียมกันก็แค่นั้นเอง