การประท้วงที่ใหญ่ที่สุดในอิหร่านในเกือบหนึ่งทศวรรษได้กวาดไปทั่วประเทศในช่วงไม่กี่วันนี้ ก่อให้เกิดการตอบโต้อย่างรุนแรงจากหน่วยงานรัฐบาล พร้อมกับข้อความทวีตจากประธานาธิบดี Donald Trump ที่พูดถึงการตอบโต้ด้วยความรุนรองของอิหร่าน เนื่องจากมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เสียชีวิต ทำให้เกิดความสนใจระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ถือเป็นความท้าทายที่ไม่อาจคาดการณ์ได้สำหรับเจ้าหน้าที่ของอิหร่าน
การประท้วงปะทุขึ้นที่เมือง Mashhad ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอิหร่านเมื่อวันพฤหัสบดี ฝูงชนชชาวอิหร่านเดินประท้วงไปตามถนนด้วยความเกรี้ยวกราดต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของประเทศ การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและการว่างงาน รวมถึงการทุจริตอย่างกว้างขวางของรัฐบาล ผู้ประท้วงรู้สึกผิดหวังกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่จำกัดของประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากสัญญานิวเคลียร์ของอิหร่านในปี พ.ศ. 2558 กับประเทศอื่นๆ อีก 6 ประเทศ
หลังจากหลายสิบปีของแรงกดดันทางการทูตระหว่างเตหะรานและตะวันตก อิหร่านตกลงที่จะระงับโครงการนิวเคลียร์เพื่อแลกกับความโล่งใจจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก ประธานาธิบดีฮัสซันรูฮานียื่นข้อตกลงที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ในเดือนพฤษภาคม สัญญาว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างงานนับล้านๆ ให้กับประชาชน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาการประท้วงได้แพร่กระจายไปยังเมือง และเมืองต่างๆมากมายรวมทั้งเมืองหลวงของประเทศเตหะราน โดยประชาชนได้บอกว่า “ความต้องการของชาวอิหร่านได้ถูกเลื่อนออกไปนานเกินไป ผู้ชุมนุมประท้วงเป็นคนประชาชนคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้ก่อวินาศกรรม … พวกเขาต้องการหางานทำรายได้และแต่งงานมีครอบครัว ผู้ประท้วงไม่สมควรได้รับกระสุนปืนจากผู้ดูแลกฎหมายบ้านเมือง”
ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน, Ayatollah Ali Khamenei ตำหนิความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพราะคู่แข่งต่างประเทศของอิหร่าน โดยบอกว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาศัตรูของอิหร่านใช้เครื่องมือต่างๆ เช่นการเงิน การเมือง เพื่อสร้างปัญหาให้กับสาธารณรัฐอิสลาม ซึ่งเป็นการพูดที่ชาวโลกแห็นว่าเป็นการพลักปัญหาให้กับคนอื่น ในขณะที่มีอย่างน้อยประชาชน 21 คนรวมถึงสมาชิกกองกำลังรักษาความปลอดภัยของอิหร่านถูกสังหารในการประท้วง ตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงมากกว่า 450 รายในกรุงเตหะราน เจ้าหน้าที่ได้จำกัดการเข้าถึงช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ไว้ชั่วคราวเช่น โดยเฉพาะ Instagram และ Telegram
เริ่มมีความตึงเครียดระหว่างกรุงเตหะราน และวอชิงตันเกิดขึ้นเนื่องจากทรัมพ์เข้ายังคงแย้งกับการสนับสนุนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการประท้วง ทรัมพ์ได้สัญญาที่จะ “ฉีก” ข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านกระตุ้นการปลุกระดมระหว่างประเทศและจะประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม เขาสามารถยกเลิกข้อตกลงนี้ได้ภายในปลายเดือนนี้และอาจมีมาตรการคว่ำบาตรต่อกรุงเตหะราน ทรัมพ์ได้ทวีตยกย่องการประท้วงและกระตุ้นให้รัฐบาล Rouhani “เคารพสิทธิของประชาชนรวมถึงสิทธิในการแสดงออกด้วยตัวเอง”
